สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง
แห่งประเทศไทย



สมาคมแพทย์ผิวหนัง
แห่งประเทศไทย





track visits
จำนวนผู้เข้า Web

 

ถาม-ตอบ

 

ถาม: อยากทราบว่าการเสริมจมูกโดยวิธีฉีดไขมันตัวเองหรือคอลาเจนจะมีผลเสียหรืออันตรายอะไรตามมาหรือเปล่าและมีวิธีการทำอย่างไร(ฉีดเข้าไปในรูจมูกหรือ ฉีดจากข้างนอก)เจ็บมากไหม คือเป็นคนจมูกโด่งแหลมอยู่แล้วแต่ ดั้งเล็กมากเมื่อเทียบกับปลาย เวลาถ่ายรูปออกมาจะเห็นแต่ปลายจมูก ช่วงระหว่างคิ้วดั้งหายไปทำให้ถ่ายรูปไม่ขึ้น คุณหมอคงนึกภาพออกนะครับ ช่วยตอบด้วยครับเพราะไม่อยากเสี่ยงเจ็บตัวด้วยวิธีการผ่าตัดเสริมซิลิโคน ขอบคุณมากครับ
ตอบ: สงสัยว่าไม่อยากเจ็บตัวด้วยการเสริมด้วยซิลิโคน แต่อยากเจ็บตัวด้วยการฉีดไขมันตนเองซึ่งต้องเอาไขมันมากจากที่หนึ่งแล้วยังต้องมาฉีดที่จมูกอีก เลยเจ็บเป็นสองเท่า และการฉีดด้วยคอลลาเจนก็เจ็บมากกว่าการฉีดยาธรรมดาตั้งเยอะ เลยไม่เข้าใจว่าคุณพิจารณาการเสริมจมูกด้วยหลักการอะไร เพราะการผ่าตัดตัดด้วยซิลิโคนนั้นนอกจากจะได้รูปทรงที่สามารถปรับแต่งได้ คงทนไม่สลายไปตามเวลา (ต่างกับไขมันของตนเองและคอลลาเจน ซึ่งทั้งสองชนิดไม่คงตัวตลอดกาลครับ แต่ประมาณ หกเดือนถึงปีก็หายไปแล้ว) การเสริมจมูกนั้นใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีดที่จมูกและการใช้ยาคลายกังวลหรือบางท่านก็ให้ยานอนหลับช่วยซึ่งไม่ได้เจ็บมากอะไรนัก และการเสริมด้วยซิลิโคนในรูปทรงที่ไม่ฝืนธรรมชาติเกินไปก็ปลอดภัยมากพอสมควรครับ

ถาม: เสริมจมูกเเล้วหน้าตาจะดีขึ้นหรือเเย่กว่าเดิม ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร เพราะบางคนเสริมเเล้วดูดีขึ้น บางคนเสริมเเล้วดูเเย่ลง
ตอบ: เสริมจมูกแล้วจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับ อันแรกคือจมูกเดิมเป็นอย่างไร เอื้ออำนวยแก่การผ่าตัดเสริมให้สวยได้หรือเปล่า จมูกที่ยากจะสวยได้ก็เช่นจมูกที่เนื้อหนา ปลายหนา เชิงจมูกผลุบเข้าในมาก ๆ ปีกจมูกกางมาก ๆ เป็นต้น อย่างนี้หมอก็หมดปัญญาเหมือนกันครับ เสริมยังไงก็ดูไม่จืด อันต่อไปก็ขึ้นอยู่กับสภาพของใบหน้าโดยรวมครับว่า รับกับสภาพจมูกได้ดีขนาดไหน ลำพังจมูกสวยก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าทั้งหมดดูดีครับ หากหน้าเหลี่ยม คางสั้น ตาตี่ โหนกแก้มกว้าง เบ้าตาหนาโหนก อันนี้ต่อให้จมูกสวยโด่งยังไง เมือดูโดยรวมก็ไม่สวยครับ อันต่อไปก็ขึ้นกับมุมมองของแพทย์ที่ตกแต่งหรือผ่าตัดให้ครับว่าจะมีมาตรฐานของจมูกที่สวยงามออกมาเป็นอย่างไร บางคนก็ชอบนิยมจมูกฝรั่ง บางคนก็ชอบจมูกทรงไทย อินเดีย หรือจีน ก็แล้วแต่มุมมองความสวยของแพทย์แต่ละคน ซึ่งทั้งนี้ก็ควรจะได้วิเคราะห์พูดคุยรวมทั้งบอกจุดประสงค์ความต้องการของจมูกกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเสียก่อนจะลงมือผ่าตัดว่าจะได้ส่วนไหน ไม่ได้ส่วนไหน มิฉะนั้นอาจจะต้องมาทะเลาะกันหลังผ่าตัดว่าได้ตรงที่ไม่ต้องการ หรือตรงที่ต้องการไม่ได้เป็นต้นครับ

ถาม: ตามีชั้นไม่เท่ากันโดยกำเนิด คือตาชั้นเดียวและหนังตาตกข้างซ้าย สามารถทำให้ตาชั้นตาทั้งสองข้างเท่ากันโดยทำแค่ข้างซ้าย ไม่ต้องทำข้างขวาที่สวยงามอยู่แล้วได้ไหมค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าไร
ตอบ: การที่หนังตาสองข้างมีระดับไม่เท่ากัน สาเหตุเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้เปิดตามีความพิการตั้งแต่กำเนิดทำให้ไม่มีกำลังที่จะเปิดเปลือกตาบนให้เท่ากันได้สองข้าง และเป็นเหตุให้ตาสองชั้นไม่เกิดขึ้นด้วย หรือเกิดขึ้นแต่ไม่เท่ากัน ความรุนแรงของความพิการก็มีด้วยกันหลายระดับครับ ถ้ารุนแรงมากก็ไม่สามารถเปิดตาขึ้นมาได้เลย ถ้ารุนแรงน้อยก็จะเปิดตาได้แต่ระดับเปลือกตาไม่เท่ากัน วิธีการผ่าตัดรักษาก็มีด้วยกันหลายวิธีตามแต่ความรุนแรงของความพิการครับ ทั้งนี้แพทย์ที่ทำการรักษาก็จะเป็นผู้ตรวจและจะบอกให้ทราบถึงวิธีการรักษา รวมทั้งค่าใช้จ่ายครับ การผ่าตัดสามารถทำได้ที่โรงพยาบาลที่มีศัลยแพทย์ตกแต่งอยู่ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชนแล้วแต่ความต้องการของคุณและเลือกใช้บริการครับ

ถาม: อยากทราบรายละเอียดเรื่อง botox ค่ะ ว่าใช้หลักการอะไรคะ ทำแบบไหน เสียค่าใช้จ่ายเท่าไรคะ มีที่ไหนรับทำบ้างคะ มีอันตรายอะไรบ้างคะ
ตอบ: BOTOX เป็นชื่อเรียกของยาฉีดที่สกัดมาจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งออกฤทธิ์ต่อทำให้การสั่งงานของเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อถูกขัดขวาง ดังนั้นกล้ามเนื้อที่ถูกฉีดยานี้เข้าไปจะเกิดการอ่อนแรงขึ้น มีประวัติใช้รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ ปัญหาทางด้านตาเข มาเป็นเวลานานประมาณ 30 กว่าปีแล้ว แต่เพิ่งจะมาเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเมื่อพบว่ามีการนำมาใช้รักษารอยจีบย่นบนใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยเนื่องจากการหดของกล้ามเนื้อเมื่อแสดงสีหน้าแล้วเกิดรอยย่นมากเกินความต้องการ ยกตัวอย่างเช่น รอยตีนกา รอยย่นขมวดคิ้ว รอยย่นจากการเลิกหน้าผากเกิดร่องตามขวาง ดูไม่สวยงาม ซึ่งเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ในเมืองไทยเพิ่งจะบูมประมาณ 3-5 ปีนี้เอง การใช้ยานี้ไม่มีความยุ่งยากอะไรมากนักนอกจากการฉีดยาในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่มีส่วนให้เกิดรอยจีบย่นเหล่านั้นโดยตรง เช่นตีนกาก็ฉีดที่บริเวณด้านข้าง ๆ ของเปลือกตาและขอบตา เป็นต้น หลังจากนั้นก็รอให้ยาออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ รอยจีบย่นที่บริเวณเหล่านั้นก็จะลดลงไป เวลาที่ยาออกฤทธิ์ก็ประมาณ 4-6 เดือนต่อการฉีดหนึ่งครั้ง (บางคนก็อาจจะนานกว่านี้) หลังจากนั้นกล้ามเนื้อก็จะเริ่มกระดุกกระดิกได้ใหม่ ก็ต้องมาฉีดยาเติมใหม่เพื่อรักษาความเรียบหรือให้คงอยู่ต่อไปตามต้องการ ค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่ปริมาณยาที่ใช้และตำแหน่งที่ฉีดครับเพราะใช้ไม่เท่ากัน ส่วนราคายาก็ค่อนข้างแพงหน่อยครับ เฉพาะต้นทุนก็หลายพันจนเกือบหมื่นต่อขวดแล้ว (ใช้ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 1/4 ถึง 1/2 ขวด) ยังมีค่าบริการอีกแล้วแต่สถานพยาบาลครับ ส่วนมากแพทย์ที่จะฉีดต้องมีความรู้ความชำนาญพอสมควรและรู้จักยาดีเพราะถ้าไม่รู้ก็จะฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องทำให้ไม่ได้ผลและอาจจะมีผลข้างเคียงจากการฉีดได้ แพทย์ที่ฉีดจึงมักจะเป็นแพทย์ทางผิวหนัง และศัลยแพทย์ตกแต่ง เท่านั้นครั้ง ส่วนที่ไหนทำบ้างก็คงต้องลองปรึกษาแพทย์ทั้งสองสาขาดังกล่าวเอาเองว่ารับฉีดหรือไม่ คงบอกที่นี้ไม่ได้ ส่วนอันตรายมีหรือไม่ พอบอกได้ครับว่าถ้าในมือผู้ชำนาญจริง ๆ ไม่มีอะไรรุนแรงครับ นอกจากเจ็บนิดหน่อยเวลาฉีด ฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อย ถ้าหากฉีดไปถูกเส้นเลือดเข้า ถ้าหากฉีดกล้ามเนื้อมากเกินไปก็อาจจะทำให้การแสดงสีหน้าไม่ธรรมชาติ บางครั้งอาจจะมีความแตกต่างกันของใบหน้าสองซีกได้เช่นระดับคิ้ว ปากไม่เท่ากัน (แต่ส่วนมากเกิดจากความไม่ชำนาญมากกว่า)

ถาม: ถามซิลิโคนเสริมอกมีอายุการใช้งานมั้ยคะ เพราะเคยได้ยินมาว่าห้ามใส่ในร่างกายเกิน 10 ปี ก็ต้องเปลี่ยนใหม่หรือเอาออกถึงแม้มันจะปกติดีก็ตาม
ตอบ: อายุของ silicone เสริมหน้าอกนั้น เป็นเรื่องที่ต้องเท้าความพอสมควร เนื่องจากเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจวบจนในปัจจุบันก็ยังไม่สิ้นสุด มีการเปลี่ยนแปลงทั้งลักษณะของของเหลวที่บรรจุอยู่ภายใน เปลือกภายนอกที่ความหนา ผิวภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะ ซึ่งรวมทั้งความทนทานต่อความเครียดที่จะเกิดขึ้นในถุงเป็นต้น ดังนั้นอายุใช้งานจึงเปลี่ยนแปลงไปตลอด ในลักษณะที่มีอายุยาวนานขึ้นอย่างมาก ในอดีตเมื่อ 15-20 ปีที่แล้วพบว่าถุงซิลิโคนที่ใส่ในร่างกายจะมีการแตกรั่วได้และฉีกขาดเมื่อใส่ไปเกินกว่า 10 ปี และมากกว่า 50% เมื่อใช้งานนานกว่า 15 ปี ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้แพทย์จะกำชับให้คนไข้คอยตรวจตราดูว่าเต้านมนั้นมีลักษณะปกติหรือไม่ หากผิดปกติก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ หรือถ้าไม่แน่ใจก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อจะได้ใช้ถุงซิลิโคนรุ่นใหม่ที่แน่นอนว่าจะดีกว่าถุงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่กฎตายตัวว่าถุงซิลิโคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันจะมีอายุใช้งานเพียง 15 ปีหรอกครับ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะมีรายงานอายุการใช้งานครับ น่าจะใช้งานได้เกินกว่านั้นเนื่องจากวัสดุดีกว่า และถุงรุ่นใหม่ก็มีความเหนียวและหนากว่ารุ่นเก่ามากครับ
สำหรับถุงที่ใช้น้ำเกลือบรรจุโดยการฉีดเติมเข้าไปโดยแพทย์เองนั้นอายุใช้งานขึ้นอยู่กับลักษณะของ วาล์วที่ใช้ฉีดน้ำซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันตามแต่ยี่ห้อครับ แต่พบว่าอายุของวาล์วนั้นไม่นานก็อาจจะมีการรั่วซึมและแฟบได้ ด้วยอัตราต่าง ๆกัน มีตั้งแต่ 10-30% เมื่อเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปีครับ
หวังว่าคงได้ข้อมูลประกอบพอสมควร

ถาม: อยากเพิ่มขนาดหน้าอก แต่ไม่อยากผ่าตัด มีวิธีไหนช่วยได้บ้างไหมคะ แบบไม่ต้องมากก็ได้ แค่ได้ผลก็พอ
ตอบ: การเพิ่มขนาดหน้าอกที่ได้ผลดีในปัจจุบันยังคงต้องใช้การผ่าตัดเสริมด้วยถุงซิลิโคนอยู่ครับ เพราะได้ผลดีที่สุด และมีข้อแทรกซ้อนค่อนข้างน้อย (หากทำได้ถูกต้องและดูแลได้ถูกต้อง) ส่วนวิธีอื่น ๆ ส่วนมากได้ผลไม่แน่นอนครับ เช่นการนวดด้วยยา ครีม หรือสมุนไพร เป็นต้น การกินยาฮอร์โมนบางชนิดในกลุ่มยาคุมกำเนิดอาจจะช่วยได้ในลักษณะของผลพลอยได้มากกว่าจะมุ่งในแง่เพิ่มขนาดเต้านมและต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์จึงจะปลอดภัยเพราะอาจจะมีผลข้างเคียงจากยาได้ ส่วนเรื่องการฉีดสารบางอย่างเข้าที่หน้าอกนั้นขอให้หลีกเลี่ยงไว้เป็นดีครับเพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดีครับ รวมทั้งการฉีดไขมันของตนเองเข้าที่เต้านมด้วยเพราะนอกจากจะไม่อยู่แล้ว จะมีผลต่อการวินิจฉัยโรคของเต้านมทำให้ยุ่งยากมากขึ้นหากเกิดโรคเนื้องอกของเต้านมขึ้นมาจริง ๆ

ถาม: อยากทราบว่าการดูดไขมันจะทำให้เกิดแผลเป็นแข็งที่ไม่น่าดูเลยจริงไหมคะ ไม่สามารถโชว์ผิวหนังบริเวณนั้นได้อีก และราคาประมาณเท่าไร หลังทำแล้วจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งหลังผ่าใหม่ๆ และต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบ: การดูดไขมันนั้นปกติแพทยัจะเจาะช่องเป็นรอยแผลเล็ก ๆ เพื่อใส่ท่อสำหรับดูดไขมันออกมา ขนาดก็ประมาณ ไม่เกิน 1 ซม. ต่อแผล และมักจะพยายามซ่อนแผลเป็นไว้ในตำแหน่งที่ซ่อนได้เช่นใต้กางเกงใน ใต้สะดือ หรือขาหนีบ เมื่อเสร็จกระบวนการแล้วจะเย็บแผลดังนั้นแผลจึงมีขนาดเล็ก ๆ เท่านั้น ในระหว่างที่ยังไม่หายสนิทเป็นธรรมดาที่จะมีการแข็งได้บ้าง แต่เมื่อหายแล้วมักจะเป็นขีดเล็ก ๆ เท่านั้น ส่วนของแผลเจาะนี้มักจะไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ปัญหามักจะเป็นที่ตำแหน่งที่เอาไขมันออกต่างหากที่บางครั้งจะเป็นคลื่นไม่เรียบหรือเนียนเท่าที่ควรเนื่องจากปริมาณไขมันที่เอาออกไป หรือผิวหนังของคนไข้เองหดรัดเข้าที่ไม่สม่ำเสมอกัน อาจจะเป็นลอน ๆ ได้ซึ่งจะดูไม่ค่อยสวย ดังนั้นจึงอาจจะต้องมาดูดเพิ่มหรือแก้ไขเมื่อผิวหนังเข้าที่แล้วการดูแลหลังการดูดไขมันก็เหมือนกับการผ่าตัดทั่วไปที่จะต้องรวังเรื่องการอักเสบการขยับบริเวณที่ดูดอย่างระวังมิฉะนั้นจะบวมหรือมีเลือดออกได้หลังจากหายสนิทแล้วการรัดด้วยผ้ายืดที่เหมาะสมจะช่วยทำให้รูปร่างเข้าที่ได้ดีขึ้น บางคนอาจจะแนะนำเรื่องการนวดคลึงบริเวณที่ดูดไขมันออกไปเพื่อให้ผิวหนังกระชับ ส่วนทำที่ไหนหรือราคาเท่าไหร่คงต้องปรึกษาจากแพทยัที่คุณไปหาและตรวจโดยตรงครับ

 

อ้างอิงจาก สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย